วันพฤหัสบดีที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2558

03.12.2558 "เจ้าคุณประสาร" แจงทหาร องค์กรพุทธเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องพุทธศาสนา

ขอบคุณภาพและข่าวจาก http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1449140120
1.พระเมธีธรรมาจารย์(ประสาร จนฺทสาโร) ชี้แจง เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม ที่อาคารรื่นฤดี กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(กอ.รมน.) พระเมธีธรรมาจารย์(ประสาร จนฺทสาโร) ที่ปรึกษาสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทศาสนา(สนพ) และเลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย(ศพศ) เปิดเผยภายหลังเข้าพบพล.ท.บุญธรรม โอริส รองผู้อำนวยการศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป ว่า เมื่อเร็วๆ นี้ มีทหารไปขอพบอาตมาที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร)และที่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์หลายครั้ง ทำให้พระสงฆ์และญาติโยมที่พบเห็นและทราบข่าวเกิดความแตกตื่นและเกิดข้อสงสัยว่าทหารมาขอพบอาตมาทำไม พระเมธีธรรมาจารย์ กล่าวต่อว่า อาตมาชี้แจงกับพล.ท.บุญธรรมและคณะ ว่า ขณะนี้อาตมาทำงาน 2 ส่วน คือ ส่วนแรกในฐานะที่เป็นรองอธิการบดีฝ่ายประชาสัมพันธ์และเผยแผ่ มจร และในส่วนที่ 2 ทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายองค์กรชาวพุทธ ร่วมกันรณรงค์ในหลายเรื่องโดยอยู่ในกรอบของพระธรรมวินัย จารีต และในกรอบของกฎหมายบ้านเมือง ได้แก่ 1.พิทักษ์ปกป้องพระพุทธศาสนา 2.ขอบัญญัติพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติในรัฐธรรมนูญ 3.ขอให้มีพ.ร.บ.ว่าด้วยการอุปถัมภ์คุ้มครองพระพุทธศาสนา และ4.การขอให้มีธนาคารพระพุทธศาสนา ด้านพล.ท.บุญธรรม กล่าวว่า เหตุผลหลักที่ทหารออกมาดูแลความเรียบร้อย เนื่องจากขณะนี้เกิดเรื่องความขัดแย้งด้านการเมือง ด้านศาสนาและด้านอื่นๆ ทำให้ประชาชนมีความคิดเห็นไม่ตรงกัน และใช้มวลชนมาหักล้างจนเกิดความสูญเสีย จึงอยากให้ทุกฝ่ายมององค์รวมของประเทศเป็นหลัก ดังนั้นเพื่อความมั่นคงของบ้านเมือง ทหารจึงทำตามหน้าที่ เพื่อให้ประเทศชาติสงบ และอยากขอเวลาให้รัฐบาลดำเนินไปด้วยความมั่นคง สู่กรอบที่ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ได้วางไว้ ส่วนเรื่องที่ทหารไปขอพบพระเมธีธรรมาจารย์ นั้น เพียงแค่อยากทราบว่ากำลังทำกิจกรรมอะไรอยู่ อยากให้ท่านบอกทางฝ่ายทหาร ทางเราจะได้จัดเจ้าหน้าที่ไปช่วยดูแลความเรียบร้อย ทั้งนี้เรื่องของศาสนาเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน การรณรงค์เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวสามารถทำได้ แต่ต้องอยู่ในกรอบกฎหมายและไม่นำไปสู่การปลุกมวลชน และอีกเรื่องที่ควรระวังคือการโพสต์ข้อความต่างๆ ในโซเชียลมีเดีย ไม่ควรใช้ข้อความเชิงปลุกระดมหรือข้อความที่บิดเบือน เพราะจะทำให้กระทบไปถึงเรื่องอื่นๆได้
2.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่พระเมธีธรรมจารย์ ชี้แจงแนวทางการดำเนินการต่อพล.ท.บุญธรรม และทหารที่เข้าร่วมประชุมจำนวน 12 คนในห้องประชุมแล้ว พระเมธีธรรมจารย์ ได้มอบเอกสารเกี่ยวกับการโพสต์ข้อความพาดพิงศาสนาพุทธ เพื่อฝากให้ศูนย์ปรองดองสมานฉันท์ฯ ช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริง ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ เพิ่มเติมภาพและข่าวจาก fb:ศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย
3.เลขาธิการ ศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาฯ เข้าพบทหารแล้ว วันนี้ (๓ ธ.ค.) พระเมธีธรรมาจารย์ เลขาธิการ ศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย รองอธิการบดีฝ่ายประชาสัมพันธ์และเผยแผ่ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ฯ พร้อมพระติดตามเข้าพบเจ้าหน้าที่ทหาร ณ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) สวนรื่นฤดี ตามที่มีการเชิญตัวจากทางฝ่ายความมั่นคงให้เข้าชี้แจง ต่อกรณีการขับเคลื่อนในการรณรงค์ให้พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ ในรัฐธรรมนูญ ที่มา Facebook : AOm Rachaya
4.
5.
6.
7. ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ เพิ่มเติมภาพและข่าวจาก fb:Phramethee Phramethee
8.
9.
10.
11.
12.
13.
14.
15.
16.
17.
18.
19.
20.
21.
22.
23.
24.
25.
26.
27.
28.
29.
30.
31.
32. กิจนิมนต์พิเศษ:ศาสนกิจที่จะต้องอธิบาย โดย พระเมธีธรรมาจารย์ เลขาธิการ ศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาฯ วันพฤหัสบดีที่ 3 ธันวาคม 2558 เวลา 13.00-14.40 น. ได้เข้าไปพบนายทหารผู้ใหญ่และคณะที่ศูนย์ปรองดองแห่งชาติ กอ.รมน. สวนรื่นฤดี กรุงเทพมหานคร ปฐมเหตุ สืบเนื่องจากวันที่ 14 พย. ที่ผ่านมา (พระเจ้าหน้าที่แจ้งว่า 16 ทหารบอก 14) เช้ามีคณะทหารจำนวนประมาณ 5-6 นายไปที่ทำงาน(มหาวิทยาลัยสงฆ์) และบอกวัตถุประสงค์ว่า มาขอพบพระเมธีธรรมาจารย์ พระเจ้าหน้าที่บอกว่าไม่อยู่ และถามว่ามีอะไรจะฝากใหม ทหารบอกว่าไม่มีไร มานิมนต์ไปฉันเพล ก็กลับไป บ่ายวันเดียวกันมาอีกชุด คราวนี้มาประมาณ 10 กว่าท่าน มาขอพบเช่นเดิม พระเจ้าหน้าที่แจ้งว่า พระเมธีธรรมาจารย์ ไปกฐินยังไม่กลับ หลังจากวันนั้นเป็นต้นมาก็เกิดข้อสงสัยและวิพากษ์กันไปต่างๆนาๆ บ้างก็ว่าผม/อาตมาหายตัวไป บ้างก็ว่าทหารจะมาอุ้มตัวไป ทั้งหมดล้วนเป็นข่าวลือที่ไม่มีใครทราบข้อเท็จจริง ทั้งสิ้น แต่ทหารชุดที่สองที่มาก็บอกกับพระเจ้าหน้าที่ว่าอยากมาทราบจากอาตมาโดยตรงถึงเรื่องที่ดำเนินการเคลื่อนไหวในการขอให้บรรจุพระพุทธศาสนาประจำชาติในรัฐธรรมนูญนั้นเป็นอย่างไร ทหารจะมีส่วนช่วยอะไรได้บ้าง เมื่อคณะทหารและผม/อาตมา ไม่เจอกันก็ยิ่งทำให้มีข้อวิพากษ์วิจารณ์มากขึ้นมีคำถามเพิ่มมากขึ้นจากทั้งสองฝ่ายและทหารก็ยังคงไปที่ทำงานอยู่เรื่อยๆ ผม/อาตมา เมื่อกลับจากศาสนกิจเรื่องกฐินแล้ว ก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งทราบว่า เหตุการณ์เป็นแบบนี้ จะให้ทำอย่างไร จะปฎิบัติอย่างไร เพราะเดี๋ยวเหตุการณ์จะบานปลายไปกว่านี้ ท่านก็บอกว่าเดี๋ยวจะประสานผู้ใหญ่ให้ การติดต่อประสานงาน ผม/อาตมา ก็ยังคงไปปฎิบัติหน้าที่ในมหาวิทยาลัยสงฆ์ตามปกติ แต่ก็ไม่เคยพบเจอกับเจ้าหน้าที่ทหารกลุ่มดังกล่าวแต่อย่างใด มีแต่เสียงบอกเล่าว่าอย่างโน้นบ้าง อย่างนี้บ้าง ก็ทำให้งงๆเหมือนกัน และไม่กี่วันถัดมาคือช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ได้รับการประสานงานกับผู้ใหญ่ท่านหนึ่งว่า ได้พูดคุยกับท่าน พล.ท.บุญธรรม โอริส รองผู้อำนวยการศูนย์ปรองดองแห่งชาติ กอ.รมน.สวนรื่นฤดีว่าเหตุการณ์เป็อย่างไร และให้ผม/อาตมาโทรไปหาท่านรองฯตอนนี้เลย ผม/อาตมาโทรถึงท่าน พล.ท.บุญธรรม โอริส ทันที ท่านก็ดีมากพูดจานิ่มนวล และท่านบอกว่าขณะนี้ท่านอยู่ที่วัดงานอุปสมบทเฉลิมพระเกียรติ และท้ายสุดในการเจรจาก็ตกลงกันว่าจะไปพบกันที่ศูนย์ปรองดองฯ วัน เวลา จะนัดหมายภายหลัง จากการติดต่อกันต่อมาก็กำหนดวันที่จะต้องพบกัน คือ วันพฤหัสบดีที่ 3 ธค. เวลา 13.00 น. ณ ศูนย์ปรองดองแห่งชาติ กอ.รมน. สวนรื่นฤดี โดยคุยกันว่า จะให้ผม/อาตมาและคณะนายทหารที่ไปขอพบทุกนายให้ไปเจอกันที่นั่น มีอะไรจะได้พูดคุยทำความเข้าใจกัน 3 ธันวาคม 2558 13.00 น. ตามเวลานัดหมาย ผม/อาตมา เดินทางไปถึงศูนย์ปรองดองฯ กอ.รมน. คณะประกอบด้วย พระผู้ติดตามหนึ่งรูป เด็กติดตามหนึ่งคน เจ้าหน้าที่ สนพ หนึ่งคน และนักข่าวสองคน ไปถึงมีเจ้าหน้าที่ทหารยศร้อยเอกมารับที่ด้านล่างและขอถ่ายรูปจากมือถือให้ติดผม/อาตมา ด้วยและมี สห.นำขึ้นไปบนตึก กอ.รมน. ชั้นสอง ขึ้นไปชั้นสองเดินขึ้นไปมีเจ้าหน้าที่ทหารหลายท่านมาดูแลและแจ้งว่าคณะให้ไปรอที่ห้องประชุมก่อนส่วนผม/อาตมา ขอนิมนต์ไปห้องทำงาน พล.ท.บุญธรรม ก่อน ไปรอหน้าห้องพักหนึ่งมีแขกของท่านทยอยออกมาผม/อาตมาเลยบอกว่าไปนั่งรอด้านนอกก็ได้ เพราะหน้าห้องมีเจ้าหน้าที่ทหารทำงานเต็มไปหมด เกรงใจ นั่งรอด้านนอกสักพัก ทหารหญิงก็นิมนต์ให้ไปที่ห้องประชุม ไปถึงมีแต่คณะผม/อาตมานั่งรออยู่ มีเพียงทหารหญิงท่านเดียวอยู่ในห้องประชุม สักพักทหารหญิงคนเดิมมานิมนต์ผม/อาตมา ให้ไปพบ พล.ท.บุญธรรม ที่ห้องทำงาน เมื่อเข้าไปก็นั่งที่โชฟารับแขกแบบยาว ท่านอื่นนั่งเก้าอี้ ภายในมี พล.ท.บุญธรรม และคณะนายทหารผู้ใหญ่6-7 ท่าน เริ่มแรกการสนทนา พล.ท.บุญธรรม ก็พูดถึงวัตถุประสงค์ของการมาพูดคุยกันในวันนี้ โดยพูดว่า อยากให้เข้าใจกัน และอยากเห็นบ้านเมืองมีความสงบสุข มีอะไรก็มาพูดคุยกัน โดยวันนี้ได้เชิญผู้เกี่ยวข้องคือ นายทหารปฎิบัติการ ฝ่ายเสนาธิการ และฝ่ายที่รับผิดชอบที่พื้นที่ที่มหาวิทยาลัยสงฆ์ตั้งอยู่มาคุยกัน ผม/อาตมาตอบว่าอนุโมทนาขอบคุณ เป็นเรื่องที่ดีที่ได้มาพูดคุยกัน จะได้เข้าใจกันและจะได้รู้ว่าอาตมาทำอะไรบ้าง ภายในห้องประชุม ภายหลังสนทนาปราศัยกันพอสมควรทุกคนก็ลุกออกมาที่ห้องประชุม ภายในห้องประชุมซึ่งต้องเดินผ่านที่ทำงานของเจ้าหน้าที่ทหารเข้าไป เป็นห้องประชุมขนาดเล็ก จุคนได้ประมาณ 20-30 คน คณะที่ตามกันมาจากห้องรับแขก พล.ท.บุญธรรม เมื่อเข้ามาคราวนี้มีนายทหารนั่งรออยู่ภายในเต็มกันหมดแล้ว เมื่อนับรวมแล้ว มีนายทหารภายในทั้งหมดประมาณ 15 นาย เริ่มแรกสนทนา พล.ท.บุญธรรม ก็ปรารภ ว่าวันนี้ได้นิมนต์พระอาจารย์และฝ่ายที่รับผิดชอบมาสนทนากัน โดยอยากเห็นความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองเป็นที่ตั้งและน้องๆทหารทุกคนก็ทำตามหน้าที่ในฐานะที่ดูแลความมั่นคง ไม่อยากให้เข้าใจผิด น้องๆทหารล้วนเป็นชาวพุทธ ทุกคนมีพระห้อยคอ กรุณาอย่าตีความไปในทางที่ผิด วันนี้จึงเป็นโอกาสดีที่จะได้พูดคุยกันและก็พูดถึงความปรองดอง การไปเปิดเวทีปรองดองมาแล้วหลายพันแห่งทั่วประเทศ เป็นต้น หลังจากนั้นก็นิมนต์ให้ผม/อาตมาพูด ผม/อาตมาเริ่มต้นจากว่า ปัจจุบันมีตำแหน่งหน้าที่สองอย่างคือ การเป็นรองอธิการบดีในมหาวิทยาลัยสงฆ์และเลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ตำแหน่งแรกนั้นทำงานภายใต้อธิการบดี และสำหรับท่านอธิการบดีนั้น เป็นที่รับรู้ทั้งในและต่างประเทศว่าท่านเป็นพระเถรผู้ใหญ่ ดำรงความเป็นกลางทางการเมือง บรรยายและเทศน์ตามหน่วยงานราชการ เอกชน ประชาชน ให้สามัคคีปรองดอง เรื่องนี้ไม่มีใครสงสัย สำหรับตำแหน่งที่สองคือ เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ในตำแหน่งนี้ทำให้อาตมาดำเนินการกิจกรรมเพื่อพระพุทธศาสนาอยู่ขณะนี้ 5 เรื่องคือ 1.การพิทักษ์ ปกป้องและคุ้มครองพระพุทธศาสนา ขณะนี้พระพุทธศาสนาถูกรุรานจากหลายๆด้าน พระสงฆ์ก็มีความรู้สึกว่าไม่ได้รับการเอาใจใส่จากภาครัฐเท่าที่ควรและไม่เฉพาะรัฐบาลนี้ในหลายๆรัฐบาลที่ผ่านมาก็ตาม ในปัจจุบันเมื่อมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นก็ไม่ได้รับการเอาใจใส่เหลียวแลเท่าที่ควรหนำซ้ำบางครั้งดูเหมือนภาครัฐอาจซิกแนลให้คนใกล้ชิดเช่นคณะกรรมการปฎิรูปกิจการพระพุทธศาสนา เล่นงานคณะสงฆ์อีกด้วย(พูดหลายเรื่องบางอย่างเปิดเผยไม่ได้) 2.การรณรงค์เพื่อให้บรรจุพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติในรัฐธรรมนูญ เรื่องนี้ได้อธิบายผลดีและเหตุผลที่ขอบรรจุอย่างละเอียดและยืนยันว่า จะเดินหน้าต่อไปพร้อมจะรวบรวมรายช่ือชาวพุทธที่สนับสนุนกว่าล้านชื่อมายื่นต่อนายกรัฐมนตรีโดยตรง 3.เรื่องกฎหมายอุปถัมภ์คุ้มครองพระพุทธศาสนา ขณะนี้พระพุทธศาสนาในเมืองไทยมีภัยรอบด้านรัฐควรเข้ามาช่วยปกป้องรักษาพระศาสนา ในเรื่องนี้ควรออกกฎหมายอุปถัมภ์คุ้มครอพระพุทศาสนาเพราะปัจจุบัน พรบ.สงฆ์มีเพียงฉบับเดียวคือฉบับ 2505แก้ใข้พิ่มเติม 2535 4.พรบ.ธนาคารพระพุทธศาสนา เรื่องนี้ได้อธิบายละเอียยกตัวอย่าง ไอแบ๊งค์และเหตุผลประกอบที่รัฐควรให้เกิดธนาคารพระพุทธศาสนา 5.การที่มีกลุ่มบุคคลและองค์กร จาบจ้วงและล่วงเกินประมุขสงฆ์(ผู้ปฎิบัติหน้าที่สมเด็จพระสงฆราช) มส.และคณะสงฆ์โดยรวม เรื่องนี้เป็นเรื่องหลักการ ไม่มีประมุขทางศาสนาใดไม่ว่าในเมืองไทยหรือทั่วโลกที่รัฐปล่อยให้มีการล่วงเกินแบบนี้รัฐควรเข้ามาดูแล ทั้งหมดได้ยืนยันต่อหน้านายทหารผู้ใหญ่ว่าทำเพื่อความถูกต้อง ด้วยความบริสุทธิใจ และตรงไปตรงมา พูดไม่หน้าไหว้หลังหลอกพูดในฐานะพระที่นุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ติดตัว จากนั้น พล.ท.บุญธรรม ก็พูดต่อ และให้ พันเอกวิชาญ ฝ่ายเสนาธิการพูด ท่านอื่นๆพูดบ้าง ถามบ้าง ตามสมควร ท้ายสุดบทสรุป ฝ่ายเสนาธิการ และท่าน พล.ท.บุญธรรม สรุปว่า 1.เข้าใจงานที่ผม/อาตมาทำทั้ง 5 อย่างโดยเฉพาะการรณรงค์ให้พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติบรรจุในรัฐธรรมนูญ ทำได้แต่ต้องอยู่ในกรอบ เพราะอยากเห็นชาติบ้านเมืองสงบสุข ใครจะทำอะไรจะยื่นอะไรจะช่วยจะดำเนินการให้ 2.อยากให้ปรามผู้สนับสนุน ภาคีเครือข่าย อย่าใช้ความรุนแรง อย่าสร้างเงื่อนไปสู่การชุมนุม อย่าโพสต์อะไรที่จะก่อให้เกิดความแตกแยกและรุนแรง 3.ถ้าผม/อาตมา จะทำกิจกรรมหรือเคลื่อนไหวอะไรให้โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ทหารที่เกี่ยวข้องจะได้ช่วยดูแลอำนวยความสะดวกให้ 4.บัดนี้ทั้งทหารผู้ปฎิบัติหน้าที่แลผม/อาตมา รู้จักกันแล้ว เข้าใจกันแล้ว คงไปอาศัยข้าวก้นบาตรทาน ได้ไปมาหาสู่ ฝากตัวเป็นศิษย์บ่อยและสะดวกขึ้น นี่คือบรรยากาศและเนื้อหาบางส่วนเท่านั้นที่พูดคุยกัน ใช้เวลาเกือบจะสองชั่วโมง อนุโมทนาขอบคุณ พล.ท.บุญธรรม โอริส และนายทหารในวันนี้ทุกท่านทุกคน ท่านสุภาพ ให้เกียรติและฟังเหตุฟังผล และท่านก็อธิบายความจำเป็นและเหตุผลในฝั่งฟากท่านให้เข้าใจ ขอบคุณทุกท่านผม/อาตมายังคงเดินหน้าทำหน้าที่ต่อไป ทำหน้าที่ต่อไปไม่สะดุด ขอขอบคุณและอนุโมทนา พระเมธีธรรมาจารย์ เลขาธิการ ศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย 3 ธันวาคม 58

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น