การประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อร่าง รายงานภายใต้กลไก UPR ครั้งที่ 1(ภาคเหนือ)
วันจันทร์ ที่ 4 เดือน เมษายน พ.ศ. 2554
8183. การประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อร่าง รายงานภายใต้กลไก UPR ครั้งที่ 1 (ภาคเหนือ)
วันจันทร์ ที่ 4 เดือน เมษายน พ.ศ. 2554
ณ ห้องธารา 2
โรงแรม ฮอลิเดย์อินน์ จังหวัดเชียงใหม่
8344. ร่างรายงานประเทศภายใต้กลไก Universal Periodic Review
8153. การประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อร่าง รายงานภายใต้กลไก UPR ครั้งที่ 1 (ภาคเหนือ)
8158. การประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อร่าง รายงานภายใต้กลไก UPR ครั้งที่ 1 (ภาคเหนือ)
8187. การประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อร่าง รายงานภายใต้กลไก UPR ครั้งที่ 1 (ภาคเหนือ)
8055. การประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อร่าง รายงานภายใต้กลไก UPR ครั้งที่ 1 (ภาคเหนือ)
8071.
การประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อร่าง รายงานภายใต้กลไก UPR ครั้งที่ 1 (ภาคเหนือ)
8081. สิทธิมนุษยชน คือ อะไร ?
What is the meaning of Human Rights ?
8087. ระบบสิทธิมนุษยชน ระหว่างประเทศ
The International Human Rights System.
8093. กลไกภายใต้สนธิสัญญา : คณะกรรมการสนธิสัญญา
8095. กฏบัตรสหประชาชาติ => คณะมนตรีสิทธิมนุษยชน
กลไกพิเศษ : กระบวนการ UPR
8099. ข้อความสำคัญ
- สิทธิมนุษยชนได้รับการปกป้องเป็นพิเศษ โดยกลไกทางกฏหมายระหว่างประเทศ
- องค์การสหประชาชาติได้สร้างกลไกมากมาย เพื่อตรวจสอบและสนับสนุนรัฐภาคี ในการปฏิบัติพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนให้ลุล่วง
8109. - not a duplicate of - other human rights machanism
8111. ข้อความสำคัญ
- UPR เกี่ยวข้องกับการทบทวนรายงานด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศสมาชิกสหประชาชาติ ทั้ง 192 ประเทศ ในทุกๆ 4 ปี
8062. การประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อร่าง รายงานภายใต้กลไก UPR ครั้งที่ 1 (ภาคเหนือ)
8124. การประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อร่าง รายงานภายใต้กลไก UPR ครั้งที่ 1 (ภาคเหนือ)
8119.
การจัดทำรายงานทบทวน สถานการณ์สิทธิมนุษยชนของประเทศไทยภายใต้กลไก Universal Periodic Review ( UPR ) ของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ
โดย กรมองค์การระหว่างประเทศ กระทรวงต่างประเทศ
8133. ภูมิหลังของกระบวนการ UPR
8138. ภูมิหลังของกระบวนการ UPR (ต่อ)
8142. กระบวนการจัดทำ UPR ของไทย
8143. สาระของร่างรายงาน UPR ของไทย
8070. การประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อร่าง รายงานภายใต้กลไก UPR ครั้งที่ 1 (ภาคเหนือ)
8073. การประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อร่าง รายงานภายใต้กลไก UPR ครั้งที่ 1 (ภาคเหนือ)
8072. การประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อร่าง รายงานภายใต้กลไก UPR ครั้งที่ 1 (ภาคเหนือ)
8074. การประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อร่าง รายงานภายใต้กลไก UPR ครั้งที่ 1 (ภาคเหนือ)
8075. การประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อร่าง รายงานภายใต้กลไก UPR ครั้งที่ 1 (ภาคเหนือ)
8076. การประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อร่าง รายงานภายใต้กลไก UPR ครั้งที่ 1 (ภาคเหนือ)
8077. การประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อร่าง รายงานภายใต้กลไก UPR ครั้งที่ 1 (ภาคเหนือ)
8129. การประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อร่าง รายงานภายใต้กลไก UPR ครั้งที่ 1 (ภาคเหนือ)
8131. การประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อร่าง รายงานภายใต้กลไก UPR ครั้งที่ 1 (ภาคเหนือ)
8156. การประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อร่าง รายงานภายใต้กลไก UPR ครั้งที่ 1 (ภาคเหนือ)
8157. การประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อร่าง รายงานภายใต้กลไก UPR ครั้งที่ 1 (ภาคเหนือ)
8158. การประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อร่าง รายงานภายใต้กลไก UPR ครั้งที่ 1 (ภาคเหนือ)
8159.
8158. การประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อร่าง รายงานภายใต้กลไก UPR ครั้งที่ 1 (ภาคเหนือ)
8160.
8158. การประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อร่าง รายงานภายใต้กลไก UPR ครั้งที่ 1 (ภาคเหนือ)
8161.
8158. การประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อร่าง รายงานภายใต้กลไก UPR ครั้งที่ 1 (ภาคเหนือ)
8167.
8158. การประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อร่าง รายงานภายใต้กลไก UPR ครั้งที่ 1 (ภาคเหนือ)
8168. คุณ ศิระ จะแฮ
แห่ง กลุ่มล่าหู่ หรือ ละหู่ หรือ ลาหู่ อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่
หมายเหตุ Moonfleet : มูเซอ ชนชาวมูเซอ เป็นชาวเขาเผ่าหนึ่งของประเทศไทย ซึ่งมีจำนวนประชากรมากเป็นลำดับ ที่ ๓ รองจากกะเหรี่ยงและแม้ว มูเซอจะเรียกตัวเองว่า ล่าหู่ (LAHU)
8174. คุณ ศิระ จะแฮ นำเสนอปัญหาที่ ชาวล่าหู่ได้รับ หรือ ถูกละเมิดในเรื่องสิทธิมนุษยชน
8166. การประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อร่าง รายงานภายใต้กลไก UPR ครั้งที่ 1 (ภาคเหนือ)
8172. การประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อร่าง รายงานภายใต้กลไก UPR ครั้งที่ 1 (ภาคเหนือ)
8179. การประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อร่าง รายงานภายใต้กลไก UPR ครั้งที่ 1 (ภาคเหนือ)
: จาก สำนักงานอัยการ จังหวัดเชียงใหม่
8182. การประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อร่าง รายงานภายใต้กลไก UPR ครั้งที่ 1 (ภาคเหนือ)
: มูลนิธิเพื่อยุติการแสวงหาประโยชน์ทางเพศจากเด็ก
8189. การประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อร่าง รายงานภายใต้กลไก UPR ครั้งที่ 1 (ภาคเหนือ)
8191. การประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อร่าง รายงานภายใต้กลไก UPR ครั้งที่ 1 (ภาคเหนือ)
: จาก สำนักงานหนังสือเดินทาง จังหวัดเชียงใหม่
8194. การประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อร่าง รายงานภายใต้กลไก UPR ครั้งที่ 1 (ภาคเหนือ)
8195. การประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อร่าง รายงานภายใต้กลไก UPR ครั้งที่ 1 (ภาคเหนือ)
8152. คุณ นรรศนันท์ ปัญญา จาก สำนักงานประชาสัมพันธ์ จังหวัดเชียงใหม่
การประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อร่าง รายงานภายใต้กลไก UPR ครั้งที่ 1 (ภาคเหนือ)
8347. HRC : คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ
8348. ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
-----------------------------------------------------------------------------
Moonfleet เข้าร่วมฟังการประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อร่าง รายงานภายใต้กลไก UPR ครั้งที่ 1 (ภาคเหนือ)
ณ ห้องธารา 2 โรงแรม ฮอลิเดย์อินน์ จังหวัดเชียงใหม่
วันจันทร์ ที่ 4 เดือน เมษายน พ.ศ. 2554
Moonfleet Opinion
จากการเข้าร่วมฟัง การประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อร่าง รายงานภายใต้กลไก UPR
Moonfleet มีความเห็นว่า วิสาหกิจ หรือ องค์กรธุรกิจ ควรกำหนดให้ เรื่อง สิทธิมนุษยชนเป็น 1 ใน CSR ขององค์ธุรกิจ เช่นเดียวกับ เรื่องภาวะโลกร้อน หรือ ธรรมาภิบาล เป็นต้น
นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่ นครแห่งชีวิตและความมั่งคั่ง
ก.ยุติธรรมร่วมกำหนดท่าทีด้านสิทธิมนุษยชนในไทยเตรียมเสนอรายงานฯ ต่อ HRC
ตอบลบนายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการกำหนดท่าทีของกระทรวงยุติธรรมในการทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของประเทศไทยภายใต้กลไก UPR เพื่อผลักดันให้เกิดความก้าวหน้าในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนโดยรวม
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๔ เวลา ๑๔.๐๐ น. นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการกำหนดท่าทีของกระทรวงยุติธรรมในการทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของประเทศไทยภายใต้กลไก Universal Periodic Review (UPR) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ โดยมีผู้แทนจากกระทรวงการต่างประเทศ และผู้บริหารระดับสูงในสังกัดกระทรวงยุติธรรม เข้าร่วมประชุมฯ ณ ห้องประชุมกระทรวงยุติธรรม ชั้น ๘ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ อาคารเอ ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร
สืบเนื่องจากที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติได้รับรองให้มีจัดตั้งคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (Human Rights Council – HRC) ขึ้นแทนคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UN Commission on Human Rights CHR) โดยกำหนดให้ HRC ต้องทำการทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของประเทศสมาชิกสหประชาชาติทุกประเทศอย่างเท่าเทียมกันภายใต้กลไก Universal Periodic Review (UPR) ทั้งนี้ HRC ได้รับรองและกำหนดกลไกการเสนอรายงาน UPR โดยระบุให้ทุกประเทศต้องเสนอรายงานเพื่อเข้ารับการทบทวนใน HRC ทุกๆ ๔ ปี แบ่งประเทศที่ถูกทบทวนเป็นรอบละ ๑๖ ประเทศ ซึ่งไทยมีกำหนดนำเสนอรายงาน UPR ฉบับแรก ในการประชุมคณะทำงาน UPR สมัยที่ ๑๒ ระหว่างวันที่ ๓-๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๔ ณ นครเจนีวา โดยมีกระทรวงการต่างประเทศเป็นเจ้าภาพหลักในการจัดทำรายงาน UPR และกระทรวงยุติธรรมซึ่งเป็นผู้เกี่ยวข้องในการดำเนินการดังกล่าวได้แต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการกำหนดท่าทีของกระทรวงยุติธรรมในการทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของประเทศไทยภายใต้กลไก UPR โดยคณะกรรมการฯชุดนี้มีหน้าที่ในการนำเสนอรายงานทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ภายใต้กลไก UPR (รายงานฯ) พร้อมทั้งจัดทำข้อมูลสำหรับการนำเสนอรายงานฯ และตอบข้อซักถามในประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของกระทรวงยุติธรรมระหว่างการนำเสนอรายงานฯ
นอกจากนี้ ยังทำหน้าที่สนับสนุนการดำเนินงานของคณะกรรมการกำกับดูแลการจัดทำรายงานประเทศภายใต้กลไก UPR ซึ่งแต่งตั้งโดยกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงพิจารณาเสนอแนะผู้แทนกระทรวงยุติธรรมที่จะเข้าร่วมกับคณะผู้แทนประเทศไทยในการนำเสนอรายงานฯ ต่อ HRC ณ นครเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ รวมทั้งติดตามผลการปฏิบัติตามข้อเสนอแนะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับภารกิจของกระทรวงยุติธรรมให้เป็นรูปธรรม
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้แจ้งให้ทราบถึงภูมิหลัง และแผนการจัดทำรายงานฯรวมถึงบทบาทของกระทรวงยุติธรรมในการทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของประเทศภายใต้กลไก UPR และได้ร่วมกันพิจารณาถึงขอบเขต แนวทางการทำงานของคณะกรรมการอำนวยการกำหนดท่าทีของกระทรวงยุติธรรมในการทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของประเทศไทยภายใต้กลไก UPR โดยที่ประชุมเห็นชอบให้จัดทำข้อมูลที่สะท้อนความก้าวหน้าและความท้าทายด้านสิทธิมนุษยชนในกระบวนการยุติธรรมอย่างรอบด้านและเพียงพอต่อการกำหนดท่าทีของกระทรวงยุติธรรมในรายงานฉบับดังกล่าวด้วย
ที่มาข้อมูล : สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม
เตือนใจ เจริญพงษ์ / ข่าว
Source: http://www.oja.go.th/NCJADhome/news/Lists/List/DispForm_copy(1).aspx?List=bbccef00-9f49-4c31-8fba-7ad8994da443&ID=23&RootFolder=%2FNCJADhome%2Fnews%2FLists%2FList
การจัดทำรายงานสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของประเทศไทยภายใต้กลไก Universal Periodic Review (UPR)
ตอบลบจาก
ข่าวเศรษฐกิจ มติคณะรัฐมนตรี
พุธที่ 22 ธันวาคม 2553 15:57:17 น.
เรื่อง การจัดทำรายงานสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของประเทศไทยภายใต้กลไก Universal Periodic Review (UPR)
ของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ
คณะรัฐมนตรับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้ง 3 ข้อดังนี้
1. รับทราบเกี่ยวกับกระบวนการจัดทำและนำเสนอรายงานสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของประเทศไทยภายใต้กลไก Universal Periodic Review (UPR) ของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ
2. มอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือกับกระทรวงการต่างประเทศในการจัดทำข้อมูลและ แต่งตั้งผู้แทนระดับสูงร่วมในคณะผู้แทนไทยเดินทางไปนครเจนีวา โดยใช้งบประมาณของต้นสังกัดเพื่อสนับสนุนการนำเสนอรายงานดังกล่าวอย่างเต็มที่
3. มอบหมายให้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรายงานสถานะล่าสุด รวมทั้งประเด็นปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ 15 ประเด็น โดยเฉพาะการเร่งรัดคดีความต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับประเด็นดังกล่าวเพื่อมิให้ผู้กระทำผิดลอยนวลรอดพ้นจากกระบวนการยุติธรรม
ทั้งนี้ ให้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีทราบและพิจารณาภายในวันที่ 15 มกราคม 2554 รวมทั้งให้จัดส่งข้อมูลให้กระทรวงการต่างประเทศเพื่อใช้ประกอบการจัดทำรายงานฯ อีกทางหนึ่งด้วยเพื่อประโยชน์ในการแก้ไขภาพลักษณ์เชิงลบด้านสิทธิมนุษยชนที่สำคัญของไทย
สาระสำคัญของเรื่อง
ตอบลบกระทรวงการต่างประเทศรายงานว่า ประเทศไทยมีพันธกรณีที่จะต้องเสนอรายงานทบทวนสถานการณ์ สิทธิมนุษยชนของประเทศต่อคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (United Nations Human Rights Council — HRC) ภายใต้กลไก Universal Periodic Review (UPR) ในการประชุมคณะทำงาน UPR สมัยที่ 12 ระหว่างวันที่ 3-14 ตุลาคม 2554 ณ นครเจนีวา โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ดังนี้
1. เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2549 ที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติได้รับรองข้อมติที่ 60/251 เรื่องการจัดตั้ง คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (United Nations Human Rights Council — HRC) ขึ้นแทนคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (United Nations Commission on Human Rights — CHR) โดยกำหนดให้ HRC ทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของประเทศสมาชิกสหประชาชาติทุกประเทศอย่างเท่าเทียมกันภายใต้กลไกที่เรียกว่า Universal Periodic Review หรือ UPR โดยให้เป็นรายงานภาพรวมสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในทุกด้านของประเทศ มีความยาวไม่เกิน 20 หน้า
2. HRC กำหนดให้กระบวนการทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศต่างๆ ในรอบแรกใช้เวลาทั้งหมด 4 ปี (ปีละ 48 ประเทศ) โดยการทบทวนจะดำเนินการโดยคณะทำงาน UPR (Working Group on UPR) ประกอบด้วยประเทศสมาชิก HRC ทั้งหมด 47 ประเทศ ซึ่งคณะทำงาน UPR จะจัดประชุมเพื่อทบทวนสถานการณ์ในประเทศต่างๆ ปีละ 3 ครั้ง ครั้งละ 2 สัปดาห์ และในการประชุมแต่ละครั้ง จะมีการพิจารณาสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศต่างๆ จำนวน 16 ประเทศ
3. การประชุมคณะทำงาน UPR สมัยที่ 1 เริ่มขึ้นในปี 2551 ที่นครเจนีวา และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ได้มีการจัดการประชุมคณะทำงาน UPR แล้วทั้งสิ้นจำนวน 9 ครั้ง โดยได้ทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศต่างๆ แล้วจำนวน 143 ประเทศ ทั้งนี้ ไทยอยู่ในกลุ่มประเทศสุดท้ายที่มีกำหนดจะต้องนำเสนอรายงาน UPR และจะถูกทบทวนภายใต้กระบวนการ ดังกล่าวเป็นครั้งแรกในการประชุมคณะทำงาน UPR สมัยที่ 12 ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 3-14 ตุลาคม 2554 ที่นครเจนีวา เพื่อให้มีการรับรองโดย HRC ในเดือนมีนาคม 2555 โดยมีกำหนดส่งรายงานให้สำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติภายในวันที่ 4 กรกฎาคม 2554 เพื่อจัดแปลเป็นภาษาทางการของสหประชาชาติทั้ง 6 ภาษาต่อไป
4. รายงานฯ จะแตกต่างจากรายงานประเทศฉบับอื่น ๆ ภายใต้ตราสารระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยเป็นภาคี เนื่องจากเป็นรายงานที่ต้องนำเสนอภาพรวมสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในทุกด้าน โดยเฉพาะการดำเนินงานภายใต้ตราสารระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนทั้ง 7 ฉบับ ที่ประเทศไทยเป็นภาคีทั้งหมดมารวมไว้ในรายงาน UPR ฉบับเดียวกัน และรายงาน UPR จะไม่ได้มีเพียงแต่รายงานของภาครัฐจำนวน 20 หน้าเท่านั้น แต่ยังมีรายงานของสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนฯ 10 หน้า และรายงานของภาคประชาสังคมอีก 10 หน้า เสนอรวมกันเป็นรายงาน UPR ของประเทศไทย โดยการพิจารณารายงาน UPR ของประเทศไทย จะกระทำโดยประเทศสมาชิก HRC ในลักษณะ peer review ซึ่งจะมีความเข้มข้นกว่าการนำเสนอรายงานต่อคณะกรรมการประจำตราสารด้านสิทธิมนุษยชนแต่ละฉบับ ซึ่งการนำเสนอรายงานจะใช้เวลาทั้งสิ้น 3 ชั่วโมง โดยรัฐจะมีเวลานำเสนอรายงานเพียง 1 ชั่วโมง อีก 2 ชั่วโมงจะเป็นช่วงเวลาของการซักถามและตอบชี้แจง
5. เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการจัดทำรายงานดังกล่าว กระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งได้รับมอบหมายจากคณะทำงานประสานงานด้านสิทธิมนุษยชนให้เป็นหน่วยงานเจ้าภาพหลักในการจัดทำรายงาน จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลการจัดทำรายงานประเทศภายใต้กลไก UPR โดยมีปลัดกระทรวงการต่างประเทศเป็นประธาน รวมทั้งได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ จัดทำรายงาน UPR โดยมีปลัดกระทรวงการต่างประเทศเป็นประธาน รวมทั้งได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการจัดทำรายงานฯ และ คณะอนุกรรมการประสานงานและหารือกับภาคประชาสังคมในการจัดทำรายงานฯ โดยได้จัดการประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งแรกไปเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2553 ซึ่งคณะกรรมการฯ ได้ให้ความเห็นชอบต่อเค้าโครงรายงานฯ ของไทย โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการยกร่างฉบับแรกแล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2553 จากนั้นจะนำไปขอรับฟังความเห็นจากประชาชนและภาคประชาสังคมต่อไป
ตอบลบ6. นอกจากการเตรียมความพร้อมในการจัดทำรายงานแล้ว ประเทศไทยจะต้องเตรียมความพร้อมในการนำเสนอรายงานด้วย โดยเฉพาะในช่วงของการซักถามโดยสมาชิก HRC ซึ่งประเด็นที่จะถูกซักถามนั้นคาดว่าจะเป็นประเด็นปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนของไทยที่อยู่ในความสนใจของประชาคมระหว่างประเทศ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศได้รวบรวมมาทั้งหมด 15 ประเด็น ได้แก่
(1) ความคืบหน้าในการสอบสวนกรณีเหตุการณ์ความรุนแรงในไทยเมื่อเดือน พ.ค. 2553
(2) กรณีการหายสาบสูญโดยถูกบังคับ โดยเฉพาะคดีของนายสมชาย นีละไพจิตร
(3) กรณีการซ้อมทรมาน โดยเฉพาะคดีของนายยะผา กาเซ็ง
(4) กรณีปัญหา ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะผลกระทบที่เกิดต่อครูและเด็กนักเรียน
(5) กรณีการเสียชีวิตของชาวมุสลิมในเหตุการณ์ยิงมัสยิดอัลฟูรกัน และกรณีกรือเซะ/ตากใบ
(6) โทษประหารชีวิต
(7) การเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการหายสาบสูญโดยถูกบังคับ
(8) การศึกษาความเป็นไปได้ที่ไทยจะเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิของ แรงงานโยกย้ายถิ่นฐานและครอบครัว
(9) การถอนข้อสงวนต่ออนุสัญญาระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนฉบับต่าง ๆ
(10) การเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ โดยเฉพาะฉบับที่ 87 และ 98
(11) การปฏิบัติต่อแรงงานต่างด้าว
(12) กรณีฆ่าตัดตอนในสงครามยาเสพติด
(13) เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และเสรีภาพในการชุมนุม
(14) การประกาศ พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตกรุงเทพฯ และจังหวัดชายแดนภาคใต้
และ (15) การปฏิบัติต่อผู้หนีภัยการสู้รบจากพม่าและผู้ลักลอบเข้าเมือง
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี)
วันที่ 21 ธันวาคม 2553
--จบ--