Banteay Chhmar, Banteay Meanchey, Cambodia
Banteay Meanchey, Cambodia.
จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บ็อนเตียย์เมียนเจ็ย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
Banteay Chhmar, Banteay Meanchey, Cambodia
Photo Gallery. Asian Historical Architecture.
ขอบคุณ ภาพและข้อมูล
จาก http://www.orientalarchitecture.com/cid/186/cambodia/banteay-meanchey
จาก http://www.orientalarchitecture.com/sid/995/cambodia/banteay-meanchey/banteay-chhmar
Banteay Chhmar (late 12th century) The largest Khmer temple in the northwest.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ หรือ วัดบันทายฉมาร์ หรือ วัดบันเตียฉมาร์ เป็นวัดเขมรที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันตกเฉียงเหนือ.
01.Banteay Chhmar, Banteay Meanchey, Cambodia. Photo Gallery. Asian Historical Architecture.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
02..Banteay Chhmar, Banteay Meanchey, Cambodia. Photo Gallery. Asian Historical Architecture.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
03..Banteay Chhmar, Banteay Meanchey, Cambodia. Photo Gallery. Asian Historical Architecture.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
04..Banteay Chhmar, Banteay Meanchey, Cambodia. Photo Gallery. Asian Historical Architecture.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
05.Banteay Chhmar, Banteay Meanchey, Cambodia. Photo Gallery. Asian Historical Architecture.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
06. Banteay Chhmar, Banteay Meanchey, Cambodia. Photo Gallery. Asian Historical Architecture.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
221.Banteay Chhmar, Banteay Meanchey, Cambodia. Photo Gallery. Asian Historical Architecture.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
----------------------------------------------------------
จากhttps://en.wikipedia.org/wiki/Banteay_Chhmar
Banteay Chhmar
From Wikipedia, the free encyclopedia
02.Location within Cambodia
History.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ บันเตียฉมาร์ จังหวัดบันทายมีชัย หรือ บันเตียยเมียนเจย (ปราการแห่งชัยชนะ) ราชอาณาจักรกัมพูชา.
Banteay Chhmar, Banteay Meanchey, Cambodia
Photo Gallery. Asian Historical Architecture.
ขอบคุณ ภาพและข้อมูล
จาก http://www.orientalarchitecture.com/cid/186/cambodia/banteay-meanchey
จาก http://www.orientalarchitecture.com/sid/995/cambodia/banteay-meanchey/banteay-chhmar
----------------------------------------------------------
จากhttps://en.wikipedia.org/wiki/Banteay_Chhmar
Banteay Chhmar
From Wikipedia, the free encyclopedia
Banteay Chhmar (Khmer: បន្ទាយឆ្មារ) is a commune (khum) in Thma Puok District in Banteay Meanchey province in northwest Cambodia. It is located 63 km north of Sisophon and about 20 km east of the Thai border. The commune of Banteay Chhmar contains 14 villages.
The massive temple of Banteay Chhmar, along with its satellite shrines and reservoir (baray), comprises one of the most important and least understood archaeological complexes from Cambodia's Angkor period.
01.Banteay Chhmar Temple
02.Location within Cambodia
03.Location within Cambodia
Location within Cambodia | |
Coordinates: 14°4′16″N 103°5′59″E | |
Country | Cambodia |
---|---|
Province | Banteay Meanchey |
District | Thma Puok District |
Villages | 14 |
Time zone | UTC+07 |
History.
Like Angkor Thom, the temple of Banteay Chhmar was accomplished during the reign of Jayavarman VII in the late 12th or early 13th century. One of the temple's shrines once held an image of Srindrakumararajaputra (the crown prince), a son of Jayavarman VII who died before him.[1]:131–132 The temple doors record Yasovarman I's failed invasion of Champa.[2]:54
The long Old Khmer inscription found at the site (K.227), and now on display in the National Museum, Phnom Penh, relates how Prince Srindrakumara was protected on two different occasions by four companions in arms, once against Rahu, and once on a military campaign against Champa. Their four statues, with one of the prince, was placed in the central chapel.[3]:176,180
04.A prince battles a demon (north section of west gallery, third enclosure wall)
The site.
The complex resembles Angkor Thom and other structures attributed to Jayavarman VII. It is one of two sites outside Angkor with the enigmatic face-towers. Besides that, its outer gallery is carved with bas-reliefs depicting military engagements and daily life scenes very similar to the well-known ones in Bayon.[3]:169–170[4]
The complex is oriented to the east, where there's a dried baray (about 1.6 by 0.8 km), which had a temple on an artificial island (mebon) in its centre. There are three enclosures, as typical. The external one, largely ruined, was 1.9 by 1.7 km and surrounded by a moat. The middle enclosure, provided with a moat too, is 850 by 800 m. It contains the main temple, surrounded by a gallery with reliefs 250 by 200 m which constitutes the third inner enclosure.[5]
Besides the main temple and the mebon there are other eight secondary temples. Four stelae detailing Jayavarman VII's genealogy were placed (though they remain unfinished) at each of the four corners of the third enclosure wall, mirroring the stelae that occupied the four corner-shrines (Prasat Chrung) of the king's capital at Angkor Thom.
Modern threats.
Because of its remote location and its proximity to the Thai border, the complex has been subjected to severe looting, especially in the 1990s.[6]:385–386 In 1998, 2000 and 2002 the temple was listed by the World Monuments Fund as one of the top one hundred most endangered sites in the world.[7]
For example, in 1998 a group of soldiers stole a 30-metre section of the southern wall.[8] The bas-reliefs of Banteay Chhmar once displayed eight exceptional Avalokiteśvaras in the west gallery, but now only two remain. In January 1999 looters dismantled sections of the western gallery wall containing these bas-reliefs. They were intercepted by Thai police and 117 sandstone pieces of the wall were recovered. They are now on display in the National Museum of Cambodia in Phnom Penh.
Villages
- Kouk Samraong(គោកសំរោង)
- Koet(កើត)
- Kbal Tonsaong(ក្បាលទន្សោង)
- Banteay Chhmar Cheung(បន្ទាយឆ្មារជើង)
- Bangtey Chmar Khang Lech(បន្ទាយឆ្មារលិច)
- Kbal Krabei(ក្បាលក្របី)
- Banteay Chhmar Tboung(បន្ទាយឆ្មារត្បូង)
- Trapeim Thlok
- Thma Daekkeh(ថ្មដែកកេះ)
- Thlok(ថ្លុក)
- Kouk Samraong Lech(គោកសំរោងលិច)
- Srah Chrey(ស្រះជ្រៃ)
- Prey Changha(ព្រៃចង្ហារ)
- Prasat Tbeng(ប្រាសាទត្បែង)
- Dang Rek(ដែកកេះ)
-------------------------------------------------------------------------------------
จาก https://en.wikivoyage.org/wiki/Banteay_Chhmar
Banteay Chhmar Temple is 65 km north of Sisophon on Highway 56. In 2010, Banteay Chhmar won the "Hidden Treasures Cambodia" destination award.
01.32-armed Avalokitesvara at Banteay Chhmar
02.Homestay bedroom
03.East entrance to Banteay Chhmar Temple
04.Temple Tour
05.Banteay Torp Temple
06.Soieries du Mekong Silk Center
----------------------------------------------------------------------
จาก https://th.wikipedia.org/wiki/จังหวัดบันทายมีชัย
จังหวัดบันทายมีชัย
จาก https://th.wikipedia.org/wiki/จังหวัดบันทายมีชัย
จังหวัดบันทายมีชัย
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
บันทายมีชัย หรือ บ็อนเตียย์เมียนเจ็ย (เขมร: បន្ទាយមានជ័យ, "ปราการแห่งชัยชนะ") เป็นจังหวัดหนึ่งของประเทศกัมพูชา(ภาษาไทยเรียกว่า "จังหวัดบ้านใต้มีชัย", "บันทายมีชัย" หรือ "ศรีโสภณ")[2] อยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ เมืองหลักคือศรีโสภณ จังหวัดบันทายมีชัยติดต่อกับประเทศไทยทางทิศตะวันตกที่เมืองปอยเปต
จังหวัดบันทายมีชัยเคยเป็นจังหวัดพิบูลสงครามของสยาม ในปี ค.ศ. 1907 สยามได้ยกพื้นที่นี้ให้แก่ประเทศฝรั่งเศส และรวมเข้าเป็นจังหวัดพระตะบอง ต่อมาในปี ค.ศ. 1988 จังหวัดบันทายมีชัยจึงได้แยกออกจากจังหวัดพระตะบอง เดิมประกอบด้วย 5 อำเภอ คือ มงคลบุรี ถมอปวก ศรีโสภณ พระเนตรพระ และพนมศก
แผนที่ของประเทศกัมพูชาเน้นจังหวัดบันทายมีชัย | |
พิกัดภูมิศาสตร์: 13°45′N 103°00′Eพิกัดภูมิศาสตร์: 13°45′N 103°00′E | |
ประเทศ | กัมพูชา |
---|---|
เมืองหลัก | ศรีโสภณ |
การปกครอง | |
• ผู้ว่าราชการ | H.E. Ong Oeun (CPP) |
พื้นที่ | |
• ทั้งหมด | 6,679 ตร.กม. (2,579 ตร.ไมล์) |
อันดับพื้นที่ | อันดับที่ 13 |
ประชากร (พ.ศ. 2551)[1] | |
• ทั้งหมด | 678,033 |
• อันดับ | อันดับที่ 10 |
• ความหนาแน่น | 100 คน/ตร.กม. (260 คน/ตร.ไมล์) |
เขตเวลา | UTC+07 |
รหัสโทรศัพท์ | +855 |
รหัสไอเอสโอ 3166 | KH-1 |
อำเภอ | 8 |
Communes | 64 |
Villages | 624 |
02.Flag map of Cambobia
03.ธงของประเทศกัมพูชา
04.This picture by Albeiro Rodas can be used for any purpose, provided that his name is credited. Cambodian tropical wood in Banteay Meanchey Province. Cambodia
--------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณ ภาพและข้อมูลจาก http://www.mediaofthailand.com/travellers/theiywprasathbanthaychmarmeuxngsilankhrhaengkamphucha
- เรื่อง กรมศิลปกร
01.- ภาพโดย สุเทพ พวงมะโหด 02. 03. 04. 05. 06. 07. 08. 09. 10. 11. 12. 13. 14. 15. 16. 17. 18. 19. 20. 21. 22. 23. 24. 25. 26. 27. 28. 29. 30. 31. 32. 33. 34. 35. 36. 37. 38. 39. 40. 41. 42. 43. 44. 45. 46. 47. 48.
49.
ขอบคุณอีกครั้ง สำหรับภาพและข้อมูลจาก http://www.mediaofthailand.com/travellers/theiywprasathbanthaychmarmeuxngsilankhrhaengkamphucha
|
ตอบลบจาก https://www.facebook.com/prfinearts/posts/1051432134924230:0
ปราสาทบันทายฉมาร์ (Banteay Chhmar) ประเทศกัมพูชา คำว่า “บันทายฉมาร์” หรือ “บันเตียฉมาร์” เป็นภาษาเขมรแปลว่า “ป้อมเล็ก” ปราสาทบันทายฉมาร์ สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ (พ.ศ.๑๗๒๔ – ๑๗๖๑) เพื่ออุทิศแด่เจ้าชายศรินทรกุมาร (ศรีนทรกุมาร) ที่สิ้นพระชนม์จากการทำสงครามในบริเวณนี้ รวมถึงเป็นที่บรรจุอัฐิของเจ้าชายศรีนทรกุมาร และเป็นที่ฝังศพของราชองครักษ์ผู้ภักดีทั้ง ๔ คนที่บริเวณมุมของศาสนสถาน เป็นปราสาทที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในกลุ่มปราสาทบันทายฉมาร์
กลุ่มปราสาทบันทายฉมาร์ มีปราสาททั้งหมดประมาณ ๑๐ หลัง ปราสาทหลักคือปราสาทบันทายฉมาร์ ปราสาทตาเปล่ง ปราสาทตาสก ปราสาทตาเปรียว ปราสาท “ป้อม” ประจำทิศ (ที่เชื่อว่าปราสาทของราชองครักษ์ผู้ภักดีทั้ง๔ทิศ) ปราสาทตาพรหม ปราสาทแม่บุญ (อยู่กลางบารายตะวันออก)
ปราสาทบันทายฉมาร์ สร้างขึ้นตามคติความเชื่อในศาสนาพุทธนิกายมหายาน ศิลปะขอมแบบบายน ราวต้นพุทธศตวรรษที่ ๑๘ ช่วงหลังสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ ที่ระเบียงคดชั้นนอกมีภาพสลักนูนต่ำ
***ข้อมูลจากสำนักศิลปากรที่ ๕ ปราจีนบุรี
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบ01.คณะของลุงหนวดออกเดินทางโดยรถยนต์จากด่านคลองลึกในอ.อรัญประเทศข้ามไปยังด่านปอยเปตในประเทศกัมพูชาจากนั้นเดินทางด้วยรถยนต์ไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 5 มายังตัวเมืองบันเตียเมียน จีย์มีสถานะเป็นจังหวัดหนึ่งของประเทศกัมพูชาห่างจากด่านปอยเปตระยะทาง48กม. คำว่า บันเตีย หมายถึง "ป้อมปราการ" เมียน จีย์หมายถึง "ชัยชนะ"และเมื่อนำคำสองคำมารวมกันจะมีความหมายว่า "ป้อมปราการแห่งชัยชนะ"หรือที่คนไทยรู้จักกันดีในชื่อว่าจังหวัด "ศรีโสภณ" ส่วนคนเขมรจะออกสำเนียงว่า "เซร็ย โซ พวน"
ตอบลบจาก เที่ยวปราสาทบันทายฉมาร์เมืองศิลานครแห่งกัมพูชา
ตอบลบposted Nov 16, 2016, 7:18 PM by Suthep Puangmahod
- เรื่อง กรมศิลปกร
- ภาพโดย สุเทพ พวงมะโหด
คณะของลุงหนวดออกเดินทางโดยรถยนต์จากด่านคลองลึกในอ.อรัญประเทศข้ามไปยังด่านปอยเปตในประเทศกัมพูชาจากนั้นเดินทางด้วยรถยนต์ไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 5 มายังตัวเมืองบันเตียเมียน จีย์มีสถานะเป็นจังหวัดหนึ่งของประเทศกัมพูชาห่างจากด่านปอยเปตระยะทาง48กม. คำว่า บันเตีย หมายถึง "ป้อมปราการ" เมียน จีย์หมายถึง "ชัยชนะ"และเมื่อนำคำสองคำมารวมกันจะมีความหมายว่า "ป้อมปราการแห่งชัยชนะ"หรือที่คนไทยรู้จักกันดีในชื่อว่าจังหวัด "ศรีโสภณ" ส่วนคนเขมรจะออกสำเนียงว่า "เซร็ย โซ พวน"
จาก http://www.mediaofthailand.com/travellers/theiywprasathbanthaychmarmeuxngsilankhrhaengkamphucha
ตอบลบและเมื่อเดินทางมาถึงตัวเมืองบันเตียเมียน จีย์ ขับรถยนต์เลยศาลากลางจังหวัดมาเล็กน้อยจะมีเส้นทางถนนให้เลี้ยวซ้ายจากนั้นเดินทางต่อไปตามเส้นทางถนนหมายเลข 56 ขึ้นไปทางเหนืออีก 63 กิโลเมตรให้สังเกตุทางขวามือจะมีเส้นทางเลี้ยวขวาอีกเล็กน้อยก็จะมาถึงยังปราสาทบันทายฉมาร์ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอทะมอปวก ตำบล บันเตียฉมาร์ จังหวัด บันเตียเมียน จีย์หรือ ศรีโสภณ.
สำหรับปราสาทบันทายฉมาร์ เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมมาตั้งแต่ปี 2005 แล้วครับ แต่เพราะเส้นทางที่ลำบากโดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนประกอบกับการกู้กับระเบิดในช่วงสงครามอินโดจีนยังไม่เสร็จเรียบร้อย จึงมีนักท่องเที่ยวไปเที่ยวกันน้อยมากส่วนใหญ่จะมุ่งหน้าตรงไปท่องเที่ยวยังปราสาทนครวัด-นครทมที่ตั้งอยู่ในเมืองเสียมเรียบเสียมากกว่า แต่ในปัจจุบันนี้ การเดินทางไปเที่ยวชมปราสาทบันทายฉมาร์ ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปแล้วครับการเดินทางง่ายปลอดภัยและสะดวกขึ้นมากแล้วครับจากด่านอรัญประเทศสามารถเดินทางแบบไปเช้าเย็นกลับได้โดยสะดวกถ้าไม่โอ้เอ้มากเกินไป.
ชุมชนชาวกัมพูชาที่อาศัยอยู่โดยรอบ จากเดิมที่เคยเป็นชาวไร่ชาวนาและเก็บของป่าหากินไปวันๆหนึ่งปัจจุบันหมู่บ้านแห่งนี้ได้พัฒนาขึ้นมากจนกลายมาเป็นชุมชนที่มีการจัดการท่องเที่ยวปรับปรุงบ้านของตนให้ทันสมัยเป็นหมู่บ้านโฮมเสตย์ (Home stay) รองรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มีความสนใจในประวัติศาตร์อารยะธรรมขอมโบราณที่มีตำนานเรื่องเล่าขานมายาวนานอายุอานามเกือบ1,000ปี ทั้งยังดูมีความลึกลับน่าค้นหาบรรยากาศภายในบริเวณตัวปราสาทถูกปกคลุมไปด้วยป่าใหญ่อันร่มรื่นรกครึ้มมานานหลาย100ปี ธรรมชาติได้หวนกลับเข้ามายึดครองตามกาลเวลารากของต้นไม้ขนาดใหญ่ชอนไชปกคลุมตัวปราสาทเบื้องบนยอดปราสาทใหญ่น้อยปรากฎพระพักตร์ของพระโพธิสัตว์อวโรติเกศวรอยู่โดยทั่วไปบนยอดองค์ปราสาทเกือบ 10 หลังตั้งเรียงรายอยู่โดยรอบบริเวณปราสาทที่ถูกปกคลุมไปด้วยพืชพันธุ์ไม้นานาพันธ์โอบล้อมรอบไปด้วยคูน้ำทั้ง4 ทิศและหมู่บ้านชาวกัมพูชาที่ปลูกกระจัดกระจายอยู่โดยรอบบริเวณตัวปราสาทแห่งนี้.
จาก http://www.mediaofthailand.com/travellers/theiywprasathbanthaychmarmeuxngsilankhrhaengkamphucha
ตอบลบก่อนจะเดินทางเข้าไปเที่ยวชมปราสาทบันทายฉมาร์ผมขอเล่าถึงประวัติความเป็นมาของปราสาทบันทายฉมาร์แห่งนี้ให้ท่านได้ฟังพอเป็นสังเขปเพื่อความเข้าใจในการเที่ยวชมปราสาทแห่งนี้น่ะครับ.
ปราสาทบันทายฉมาร์ หรือ "บันเตียฉมาร์" (BanteayChhmar) ในภาษาเขมรแปลว่า "ป้อมเล็ก" (Narrow fortress) ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดบันเตีย เมียน จีย์หรือที่คนไทยรู้จักในนามของจ.ศรีโสภณตั้งอยู่ ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศกัมพูชาห่างจากตัวจังหวัดบันเตียเมียน จีย์หรือจ.ศรีโสภณตามถนนราดยางและถนนลูกรังไปทางทิศเหนือประมาณ 63 กิโลเมตรและตั้งอยู่ห่างจากชายแดนไทย-กัมพูชา ทางบ้านโคกสูงอ.โคกสูง จ.สระแก้วระยะทางเพียง30 กิโลเมตรเท่านั้นเองครับแต่เส้นทางทางบ้านโคกสูงอ.โคกสูง ยังไม่อนุญาติให้เดินทางผ่านเข้าไปครับเพราะยังไม่ได้เปิดเป็นด่านถาวรครับ
สำหรับกลุ่มปราสาทบันทายฉมาร์ เป็นเมืองหรือ "วิษัยปุระ"ขนาดใหญ่ ที่มีความสำคัญทางตอนเหนือ ในเขตอิทธิพลของเมืองพระนครหลวงหรือนครธม ตั้งอยู่บนเส้นทางราชมรรคา (Royal Road) เชื่อมโยงเมืองพระนครกับเมือง "วิมายะปุระ" หรือเมืองพิมายในเขตที่ราบสูงขนาดของเมืองมีขนาดใหญ่ 3.5 x 2.5 ตารางกิโลเมตร ใหญ่กว่าปราสาทนครวัดสองเท่า แต่เล็กกว่าเมืองพระนครธม (3 x 3 ตารางกิโลเมตร) เมืองบันทายฉมาร์ มีระบบการชลประทาน จัดการน้ำด้วยการขุดสระขนาดใหญ่ที่เรียกว่า "บาราย" ทางทิศตะวันออก เพื่อใช้กักเก็บน้ำสำหรับชุมชน ตรงกลางของบารายทางทิศตะวันออกเป็นเกาะ มีปราสาทหลังเล็ก ๆ ชื่อ "ปราสาทแม่บุญ" ตั้งอยู่ สันนิษฐานว่าเป็นปราสาทในคติ "เกาะราชยศรี" อันมี "ม้าพลาหะโพธิสัตว์" เปรียบประดั่งยานพาหนะลำใหญ่ที่พาผู้คนพ้นจากสังสารวัฏและทะเลแห่งทุกข์ เช่นเดียวกับ"คติ" ของ "ปราสาทนาคพันหรือ เนียคเปรือย".
กลุ่มปราสาทบันทายฉมาร์ มีปราสาททั้งหมดประมาณ 10 หลัง ปราสาทหลักคือปราสาทบันทายฉมาร์, ปราสาทตาเปล่ง,ปราสาทตาสก,ปราสาทตาเปรียว,ปราสาท "ป้อม"ประจำทิศ (ที่เชื่อว่าปราสาทของราชองค์รักษ์ผู้ภักดีทั้งสี่ทิศ), ปราสาทตาพรหม และปราสาทแม่บุญกลางบารายตะวันออก
ปราสาทบันทายฉมาร์ เป็นปราสาทขนาดใหญ่ใน "เมือง" ที่มีแนวกำแพงโบราณ (Ancient Wall) ล้อมรอบขนาด 3.5 x 2.5 คูน้ำที่ล้อมรอบปราสาทมีพื้นที่ประมาณ 1 x 1 ตารางกิโลเมตร พื้นที่ปราสาทประมาณ 250 x 250 ตารางเมตร ชั้นนอกรายรอบด้วยระเบียงคดที่มีภาพสลักนูนต่ำ ถัดเข้ามาเป็นกำแพงที่มีภาพสลักสวยงาม ชั้นในเป็นระเบียงคด โคปุระ วิหาร ลานพิธีกรรม(โบสถ์) กุฏิ หอพระซุ้มปราสาทเมรุทิศ กำแพงของระเบียงมุขเชื่อมองค์ปราสาทที่นี่ มีการแกะสลักรูปนางอัปสราและลวดลายที่สวยงามสลับซับซ้อน หมู่ปราสาททอดยาวจากตะวันออกไปตะวันตก ส่วนมณฑลกลางเป็นหมู่ปราสาทประธานพระอาทิพุทธะ และหมู่ปราสาทพระพุทธเจ้า ที่มียอดปราสาทแบบศิขระเรือนลดหลั่นและปราสาทที่สลักเป็นรูปพระพักตร์ของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรสี่หน้า ลักษณะเช่นเดียวกับที่ปราสาทบายนในเมืองพระนครจังหวัดเสียมเรียบ.
จาก http://www.mediaofthailand.com/travellers/theiywprasathbanthaychmarmeuxngsilankhrhaengkamphucha
ตอบลบ"ปราสาทบันทายฉมาร์" เป็นหมู่ปราสาทที่สร้างขึ้นตามคติความเชื่อในลัทธิ "วัชรยานตันตระ" ลัทธินี้ ก็คือศาสนาพุทธนิกายมหายาน โดยรับเอารูปแบบวัฒนธรรมของฮินดูตันตระ (ที่มีเทพเจ้าและพิธีกรรมที่เร้นลับ มีคาถาอาคม) เข้ามาผสมอีกทีหนึ่ง พระพุทธเจ้าของวัชรยานจึงมีมากมาย แต่มีพระพุทธเจ้าสูงสุด (ชินพุทธะ - พระปาญจสุคต) อยู่ 5 พระองค์ คือ "พระไวโรจนะ" (ผู้รุ่งโรจน์)ปางปฐมเทศนา ประจำทิศเบื้องบน "พระอักโษภยะ" (ผู้ไม่หวั่น) ปางมารวิชัย ประจำทิศตะวันออก "พระรัตนสัมภวะ" (ผู้เกิดจากรัตนะ) ปางประทานพร ทิศใต้ – "พระอมิตาภะ" (ผู้มีแสงสว่างเป็นนิรันดร์) ปางสมาธิ ประจำทิศตะวันออก – "พระอโมฆสิทธิ" (ผู้สำเร็จโดยไม่พลาด)ปางประทานอภัย ประจำทิศเหนือ.
ต่อมาในพุทธศตวรรษที่ 14 ลัทธิวัชรยานตันตระในอินเดียได้สร้างพระผู้ประทานกำเนิด "พระอาทิพุทธะ"พระพุทธเจ้าสูงสุดผู้ประธานกำเนิดพระชินพุทธะทั้ง 5 ในนามว่า "พระมหาไวโรจนะ" เมื่อพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แห่งราชวงศ์ "มหิทรปุระ" ขึ้นปกครองราชอาณาจักรกัมพุชเทศ พระองค์เลือกที่จะใช้ลัทธิวัชรยานตันตระปกครองแผ่นดินด้วยลัทธิวัชรยานตันตระ เกิดขึ้นจากการผสมผสานคติความเชื่อใน "อำนาจ –อานุภาพ" ของเหล่าเทพเจ้าในฮินดูตันตระ พระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์จึงกลายเป็นพระผู้มีอำนาจและอานุภาพเหนือกว่าเหล่าเทพเจ้าฮินดูลัทธิวัชรยานตันตระของเขมรในยุคพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เรียกกันว่า ลัทธิ "โลเกศวร" มี "เทวโพธิสัตว์" ที่สำคัญคือ "พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร" ที่มีความหมายถึง "พระโพธิสัตว์ผู้สอดส่องดูแลและให้ความช่วยเหลือแก่มวลสัตว์โลก" พระนามดั่งเดิมคือ "สมันตสุข" (พระผู้ส่องมองรอบด้าน) เมื่อมารวมกับอำนาจแห่ง "พระมหาศิวะเทพ" ผู้มีอานุภาพในการทำลายล้างของตันตระ พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ผู้กำเนิดจากพระอมิตาภะ จึงเป็นพระโพธิสัตว์ที่ยิ่งใหญ่มีอานุภาพแผ่ไพศาล ทั้งการช่วยเหลือและทำลาย ตามความเชื่อในลัทธิ "โลเกศวร".
บันทึกของหลวงจีนฟาเฮียน (FaHien) ผู้จาริกแสวงบุญไปยังอินเดียในราวพุทธศตวรรษที่ 9 ได้บอกเล่าประสบการณ์เดินทางในขากลับจากอินเดีย ผ่านมายังอาณาจักรศรีวิชัย ระหว่างทางในมหาสมุทรอินเดีย ท่านได้พบกับพายุไต้ฝุ่น ท่านจึงภาวนาถึงพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรที่เชื่อว่า พระองค์ยังคอยสอดส่องช่วยเหลือมวลมนุษย์และด้วยอานุภาพอันยิ่งใหญ่ พระองค์ได้โปรดดลบันดาลให้พ้นจากภัยอันตรายจนท่านสามารถเดินทางกลับบ้านได้ ในโลกยุคโบราณที่ "การเมืองและความเชื่อทางศาสนา" เป็นกระบวนการที่ต้องพึ่งพาอาศัยเกื้อกูล จนแทบเป็นเนื้อเดียวกัน เฉกเช่น เมื่อพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรในคัมภีร์ในลัทธิศาสนามีความยิ่งใหญ่ กลับกันในทางโลก ปราสาทที่สร้างในสมัยของพระองค์ จึงปรากฏหน้าพระพักตร์ของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ในฐานะของ "เสมือน" พระโพธิสัตว์ผู้สอดส่องดูแลและปลดทุกข์ให้กับประชาชน ทั่วไปทุกหนแห่ง ทรงเป็นพระโพธิสัตว์ผู้มีอานุภาพทางธรรม และกษัตริย์เทวราชาผู้ทรง "แสงยานุภาพ" ในทางโลก เพื่อการควบคุม ปกครอง แรงงานไพร่ฟ้าแลประชาชนในพระราชอาณาจักรอันยิ่งใหญ่เช่นกัน.
จาก http://www.mediaofthailand.com/travellers/theiywprasathbanthaychmarmeuxngsilankhrhaengkamphucha
ตอบลบนอกจากที่พระองค์พระคอย "สอดส่อง" ช่วยเหลือประชาชนในภาพของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรแล้ว พระองค์ยังได้แปลงพระอาทิพุทธมหาไวโรจนะ พระอมิตาภะ ให้มีใบหน้าและเครื่องแต่งกายเดียวกับพระองค์ เพื่อบอกกับโลกมนุษย์และประชาชนว่า "พระองค์อยู่สูงสุด เหนือผู้ใดในโลกและในสรวงสวรรค์"
นักโบราณคดีชาวฝรั่งเศส ได้จัดลำดับยุคสมัยทาง "ประวัติศาสตร์ศิลป์" ของปราสาทบันทายฉมาร์ ให้อยู่ในยุคที่2และ3ของศิลปะขอมแบบ "บายน" ราวต้นพุทธศตวรรษที่ 18 อยู่ในช่วงหลังการครองแผ่นดินของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ประมาณ 25 ปี ศิลปะบนใบหน้าของพระโพธิสัตว์บนยอดปราสาทและศิลปะการแกะสลักแบบขอมของที่นี่จึงดูจะไม่ค่อยละเอียดงดงามและไม่ได้สัดส่วนเท่าไหร่นัก เมื่อเทียบกับปราสาทบายนและปราสาทในยุคเดียวกันในเมืองพระนคร รูปแบบการวางผังปราสาท วางตามแนวตะวันออกมาตะวันตก ในคติปรัชญาการวางมณฑลเวที "ยันตระมันดารา " (Mandala) หรือ "ยันตระมณฑล" ของตันตระญาณ วางสัดส่วนของมณฑลโลกมนุษย์ไว้ด้านนอก มณฑลพระโพธิสัตว์ มณฑลมานุษิพุทธะ มณฑลธยานิพุทธะปราสาทประธานของพระมหาไวโรจนะและมณฑลแห่งศักติ (พลังเพศหญิงที่เกื้อหนุนเพศชาย) ผังของอาคารที่ดูซับซ้อน เริ่มต้นจากทิศทั้งสี่ นับเข้ามาจากทิศตะวันออก เดินตรงไปยังลานพิธี วิหารหรือศาลาพิธีกรรมด้านหน้า เข้าไปหมู่ปราสาทชั้นที่สอง (พระโพธิสัตว์ – มานุษิพุทธะ - เทพเจ้าฮินดู) ชั้นที่สาม (เหล่าพระพุทธเจ้า) ชั้นประธาน และชั้นศักติ (พลังเบื้องหลัง) ทะลุออกมาพบกับหอพระที่เป็นมณฑลปราสาทด้านหลัง.
ต่อจากนั้นคณะของเราเดินทางมาพบกับคูน้ำที่ล้อมรอบปราสาททางมุมทิศตะวันตกเฉียงใต้ รถยนต์ของเราขับลัดเลาะคูน้ำทางด้านทิศใต้มาทางทิศตะวันออกจะพบกับสะพานนาคราชข้ามคูน้ำ ทางขวาเป็นรูปแกะสลักเหล่าเทวดากำลังยุคนาค และทางซ้ายก็เป็นรูปแกะสลักของเหล่ายักษ์กำลังยุดนาคกวนเกษียรสมุทร แต่เป็นที่น่าเสียดาย ที่รูปสลักเทพเจ้าและอสูรที่เป็นราวสะพานชักนาคเกษียรสมุทรทั้งสี่ทิศของปราสาทบันทายฉมาร์ ถูกทำลายและโจรกรรมรูปสลักสูญหายไปเป็นจำนวนมาก บางทิศเรียกว่า ยกประติมากรรมกรรมแกะสลักทั้งยักษ์และเทวดาไปทั้งสะพานนาคราชเลยก็ว่าได้.
คณะของเราสามารถใช้รถยนต์ข้ามคูน้ำทิศตะวันออกเข้ามา ผ่านซุ้มประตูบายน ตามแบบแผนประตูเมืองพระนครธม แต่มีขนาดเล็กกว่าครึ่งหนึ่ง ประตูตะวันออกนี้พังทลายลงมาเกือบทั้งหมดรอการบูรณะขึ้นมาใหม่ นับจากก้อนหินที่พังลงมา จะเห็นประตูที่สมบูรณ์ ผ่านประตูตะวันออกข้ามคูน้ำเข้ามาด้านใน ทางขวามือเป็นที่ตั้งของ "วหิคฤหะ" หรือ "ธรรมศาลา" ที่พักคนเดินทาง ในสภาพที่ยังบูรณะไม่เสร็จ และมีร่องรอยของระเบิดการสู้รบในยุคสมัยของสงครามอินโดจีน ตั้งอยู่ทางด้านหน้าสุดของตัวปราสาท.
สำหรับบริเวณลานกว้างด้านหน้าปราสาท ปัจจุบันใช้เป็นที่วางก้อนหินที่รื้อมาจากซากถล่ม เพื่อเตรียมการบูรณปฏิสังขรณ์ ตามโครงการ "กองทุนมรดกโลก" (Global heritage fund) ที่เริ่มต้นบูรณะปราสาทบันทายฉมาร์มาตั้งแต่ปีที่แล้วครับส่วนด้านหน้าบันโคปุระทางด้านทิศตะวันออก เป็นรูปพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร 4 กรแสดงอิทธิฤทธิ์เปล่งรัศมี.
ด้านนอกสุดของหมู่ปราสาทเป็น "ระเบียงคด" ผังทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส คือด้านนอกสุดของหมู่ปราสาทเป็น"ระเบียงคด" ผังทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส เป็นระเบียงที่พัฒนามาจากระเบียงปราสาทนครวัด คือเป็นระเบียงมุงหลังคาหิน ด้านนอกรองรับด้วยเสารองหลังคา และมี "ชั้นลด" ที่มีเสารองหลังคาอีกชั้นหนึ่ง ด้านในอีกด้านหนึ่งก่อเป็นกำแพงผนัง บนผนังก็จะสลักภาพนูนต่ำบอกเล่าเรื่อง ความศักดิ์สิทธิ์ อำนาจและอานุภาพ รูปแบบผนังของระเบียงแบบนี้ ทำให้แสงสว่างส่องเขามาระหว่างช่องเสาด้านนอกได้โดยสะดวก และทำให้นักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นภาพสลักบนผนังอีกฝั่งหนึ่งได้โดยสมบูรณ์ระเบียงมุงหลังคาหิน แต่ก็มีเสารองหลังคา และชั้นลดบางส่วนของระเบียงคดด้านนอกหลงเหลือมาให้เห็นทางทิศใต้ ส่วนผนังของกำแพงที่มีรูปสลักนูนต่ำพังทลาย เหลือแต่เสาและคิ้วบัวด้านบนไว้ มีรูปสลักบนคิ้วเป็นรูป "พระโพธิสัตว์อวโลเกศวร4 กร" ที่เกิดจากอานุภาพของ "พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเปล่งรัศมี" ดังที่คัมภีร์การันฑวยูหสูตร กล่าวไว้ "ด้วยเพียงพระโลมา 1 เส้นของพระองค์ก็มีอานุภาพมากกว่าพระพุทธเจ้า 62 เท่าของจำนวนเม็ดทรายในแม่น้ำคงคา นอกจากนั้นในขุมพระโลมาแต่ละขุมของพระองค์ ยังมีคนธรรพ์อยู่เป็นจำนวนพัน อีกขุมหนึ่งมีฤาษีอยู่เป็นจำนวนล้านพระโพธิสัตว์เปล่งรัศมีจึงมีทั้งเทวดา คนธรรพ์ ฤๅษี และพระพุทธเจ้าอีกมากมาย".
จาก http://www.mediaofthailand.com/travellers/theiywprasathbanthaychmarmeuxngsilankhrhaengkamphucha
ตอบลบตรงส่วนกลางของระเบียงคดทั้ง 4 ด้าน มี "โคปุระ" หรือซุ้มประตูทางเข้า เป็นซุ้มมณฑปไม่มียอดปราสาท มีประตูเข้า 3 ประตู ซึ่งอาจจะแทนความหมาย "ตรีกาย" ของพระพุทธเจ้าอาทิพุทธ หรือแทนความหมาย"รัตนตรัยมหายาน" ที่ประตูกลางจะมีความหมายถึง "พระอมิตาภะ" ประตูทางซ้าย คือ "พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร" ประตูทางขวาแทน "พระนางปรัชญาปารมิตา" พระราชมารดาของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ให้สังเกตว่าปราสาทที่มีใบหน้าพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร มักจะอยู่ด้านข้าง แต่ปราสาทที่วางไว้ตรงส่วนกลางจะทำเป็นปราสาทแบบ "ศริขร" ลดระดับขึ้นไป 5 ชั้น ประดับด้วยเครื่องบนและบริเวณหน้าบันแกะสลักเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ และอานุภาพแห่งพระพุทธองค์เป็นส่วนใหญ่.
ส่วนตรงมุมของระเบียงอันซับซ้อน จะสร้างเป็นปราสาทขนาดย่อมไว้ด้านบน ด้านนอกกำแพงระเบียง สลักรูปนางอัปสราและลวดลายพรรณพฤกษาประดับไว้ตรงประตูทางเข้าทุกประตูเดินเข้าประตูเล็ก ทางด้านซ้ายของโคปุระ ผ่านผนังเรื่องราวการทำสงครามและยุทธนาวีในโตนเลสาปเขมรระหว่างชนชาติขอมและจามและ เมื่อก้าวเข้าไปภายในก็จะพบกับกองหินขนาดมหึมาที่พักทลายลงมาด้วยผลจากสงครามอินโดจีนเมื่อ40ปีที่ผ่านมาส่วนวิหารด้านหน้าทางซ้ายมือมีต้นไม้ขนาดใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาเขียวชอุ่ม ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น ทางด้านขวาเป็นบ่อน้ำ (Pond) ทิศใต้ มีรูปหน้าบันสามเหลี่ยมส่วนหน้าของปราสาทแห่งนี้นำมาจัดวางเรียงไว้เพื่อเตรียมการบูรณะ หน้าบันดังกล่าวสลักเป็นรูปพุทธประวัติตอนเสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ เป็นภาพของเจ้าชาย "สิทธัตถะ" กำลังตัดพระเกศา มีอาชา "กัณฐกะ" และนาย "ฉันนะ" อยู่ด้านข้าง ด้านล่างเป็นเหล่าเทพยดานางฟ้าที่มาชุมนุมแซ่ซ้องสรรเสริญหลังคาวิหารและระเบียงเชื่อมในส่วนมณฑลพิธีกรรมด้านหน้า ได้พังทลายลงไปกองทับถม จนเราต้องเดินผ่านไปด้านบนกองหินเสียเป็นส่วนใหญ่ เมื่อผ่านวิหารตะวันตก ก็จะมาสุดที่ซุ้มประตู "โคปุระ" ด้านทิศตะวันตก ที่มี 3 ประตูเช่นเดียวกับประตูอื่น ๆ ตรงกลางจะดูใหญ่และอีกสองประตูจะดูเล็กกว่า มีประตูเล็กอยู่ข้างโคปุระประตูเล็กทางทางทิศใต้ เป็นระเบียงคดที่มีผนังและเสารองรับ แต่เสา หลังคาและชั้นลดได้พังถล่มล้มระเนระนาดไปทางด้านนอกจนหมด คงเหลือแต่ผนังด้านในของระเบียงที่ยังมีรูปสลักนูนต่ำเป็นภาพ "พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเปล่งอานุภาพ" ในปางต่าง ๆ จากทั้งหมด 8 รูป ปัจจุบันเหลือเพียง 2 รูป หายไป 4 รูป อีก 2 รูปด้านทิศใต้สุดอาจฝังจมอยู่ใต้กองกำแพงที่พังถล่มทับถมอยู่.
จาก http://www.mediaofthailand.com/travellers/theiywprasathbanthaychmarmeuxngsilankhrhaengkamphucha
ตอบลบเมื่อผ่านประตูของหมู่ปราสาทออกไป ก็จะไปพบกับ "วิหาร" หรือ "หอพระ" ที่มีระเบียงคดรูปสี่เหลี่ยมล้อมรอบ ระเบียงคดในทิศนี้ ทำเป็นกำแพงมีหน้าต่าง หลังคามุงศิลาทราย ด้านบนประดับด้วยบราลีรูปพระพุทธเจ้าอมิตาภะแสดงอานุภาพในซุ้มเรือนแก้วเช่นเดียวกับกำแพงแก้ว "หอพระ วิหาร กุฏิ" ไม่ได้มีเฉพาะทางทิศทางตะวันตกเท่านั้นนะครับ ทางเหนือและใต้ก็มีมณฑลวิหารที่มีระเบียงคดแบบเดียวกันล้อมรอบ แต่ก็อยู่ในสภาพพังทลายเป็นส่วนใหญ่.
ถ้านับจากแผนผัง ยอดปราสาทของทั้ง 4 มณฑล น่าจะมีจำนวน 30-33 ยอด ( นับรวมปราสาทตรงมุมระเบียง) ล้อมรอบด้วยกำแพงแก้วที่มีการวาง "บราลี" (เสาประดับยอดหลังคา)เป็นรูปพระพุทธเจ้าแสดงอานุภาพในซุ้มเรือนแก้ว ตามกันยาวเป็นแถวเป็นแนว เหมือนจะบอกความหมายว่า นี่เป็นเขตปริมณฑลอันศักดิ์สิทธิ์ที่มีอานุภาพของพระพุทธเจ้า ตามเส้นทางเดินบนกองหินจะมองเห็น "หน้าบัน" ของปราสาทจากซากที่พังทลายอย่างชัดเจนคณะของเราเดินอยู่บนกองหินทั้งที่อยู่ด้านนอก และด้านในที่พังถล่มลงไปแล้ว หน้าบันสลักเป็นรูปพระพุทธเจ้า ที่มีรูปชาวบ้านและเหล่าสรรพสัตว์ขนาบอยู่บริเวณด้านข้าง ด้านล่างเป็นภาพชุมนุมเหล่าเทพยดา พระพุทธเจ้ามีทั้งพระพุทธเจ้าไภสัชยไวฑูรยประภาสุคต พระธยานิพุทธะอานุภาพมีสี่กร พระโพธิสัตว์อวโลกกิเตศวร สลับไปมาในทุกเรือนปราสาทที่มีความซับซ้อนของมุขระเบียงเชื่อม ใต้กองก้อนศิลาทรายที่พังทลายลงมาบดบังทับถม จนยากที่จะมองเห็นฐานรูปทรงเดิม ผนังระเบียงคดทางทิศเหนือ มีภาพของการเคลื่อนขบวนกองทัพ ขบวนเกียรติยศ ราชกิจและการสงคราม แต่กำแพงที่เหลืออยู่ก็พังทลายลงเป็นกองหินเสียส่วนใหญ่แล้ว.
ใกล้กลับหอวิหารทางทิศใต้ มีฐานอาคารศิลาแลงประดับรูปสิงห์แบก หรือเรียกว่า"พลับพลา" น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของปราสาท เสาหิน เรือนหลังคาไม้มุงกระเบื้อง เพื่อใช้เป็นพลับพลาที่ประทับของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 หรือพระโอรสเจ้าชายศรีนทรกุมาร.
และเมื่อเดินออกจากมณฑลปราสาท บริเวณระเบียงคดทางตะวันออกด้านใต้ เป็นจุดเริ่มต้นของการบูรณะ เริ่มมีการรื้อและขุดชิ้นส่วนหินออกมาเรียงไว้ เพื่อเตรียมทำการบูรณะในระบบ "อนัสติโลซิส" ภาพสลักบริเวณระเบียงคดนี้ เป็นราชการสงคราม ภาพยุทธนาวีกับจาม การเตรียมทัพและภาพเด่นของระเบียงแถบนี้คือภาพของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 กับเจ้าชายศรีนทรกุมาร กำลังขึ้นไปสังเกตการณ์ข้าศึกศัตรูบนยอดเขา.
จาก http://www.mediaofthailand.com/travellers/theiywprasathbanthaychmarmeuxngsilankhrhaengkamphucha
ตอบลบรูปประติมากรรมที่พบในปราสาทบันทายฉมาร์ มีอยู่ครบถ้วนตามแบบแผนคติปรัชญาในลัทธิโลเกศวร (วัชรยานตันตระแบบเขมร) ทุกประการ ทั้งรูปพระวัชรสัตว์ พระวัชรธร พระอมิตาภะปางสมาธิมีนาคปรก พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร พระนางปรัชญาปารมิตา พระโลเกศวร พระโพธิสัตว์วัชรปราณี พระโพธิสัตว์ปัทมปราณี เหวัชระ วัชรินมณฑล พระพุทธเจ้าไภสัชนไวฑูรยประภาสุคตและพระชิโนรสทั้งสองอันได้แก่ พระโพธิสัตว์สูรยไวโรจนจันทโรจิ (เพศชาย)และพระโพธิสัตว์จันทรไวโรจนโรหิณีศะ (ศักติของเพศหญิงตามลัทธิตันตระ) พระโพธิสัตว์ไตรโลกยวิชัย และเหล่าพระโพธิสัตว์มากมาย ประติมากรรมราวลูกกรง"สะพานนาค" ของปราสาทบันทายฉมาร์ ศิลปะที่นี่ได้เปลี่ยนรูปหัวนาคเดิมในยุคนครวัด ให้กลายเป็นรูป"ครุฑยุคนาคที่ซับซ้อน" เห็นได้จากทั้งข้างหน้าและข้างหลัง ครุฑที่ยุดจะยื่นมือออกมาทั้งสองข้างกรีดนิ้วแสดง "มุทรา" แห่งพลังอานุภาพ.
ส่วนมณฑลที่ 3 ด้านหน้าเชื่อมต่อกับระบียงคดของส่วนที่ 2 สามทาง ปราสาทเป็นทรงศริขร เรือนปราสาทเป็นชั้นลดหลั่น ปราสาทด้านข้างอยู่กลางระเบียงคดทำเป็นหน้าพระโพธิสัตว์ มุมระเบียงคดทั้ง 4 เป็นปราสาทขนาดย่อม.
ส่วนที่ 4 เป็นส่วนขยาย เป็นปราสาทอีก 1 หลัง มีระเบียงต่อไปสามทาง เชื่อมส่วนที่ 3 กับโคปุระด้านทิศทางตะวันตก ส่วนนี้น่าจะเป็นมณฑล "ศักติ" หรือพลังเบื้องหลังที่ก่อเกิดอานุภาพแก่พระโพธิสัตว์สูงสุดเมื่อมองไปโดยรอบ จะเห็นภาพสลักยอดระเบียงที่เป็นรูปของ "กินรี" และ "ครุฑ" แทนความหมายของสัตว์ใน "ป่าหิมพานต์" ป่าใหญ่ที่ล้อมรอบเขา "พระสุเมรุ" และสรวงสวรรค์ที่ประทับของเหล่าพระโพธิสัตว์ เทวะและพระพุทธเจ้า.
มหาปราสาทอานุภาพวัชรยานตันตระแห่งบันทายฉมาร์ ได้ผ่านพ้นการทำลายรูปสลักเพื่อแปลง "ระบอบ"ให้กลับมาเป็นอาณาจักรแห่งฮินดูตันตระในยุคของพระเจ้าอินทรวรมันที่ 2 และผ่านพ้นสภาพสงครามกลางเมืองในยุคเขมรแดง จนมาถึงยุค "โศกนาฏกรรม" ที่รูปสลักแสดงอานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเปล่งรัศมีบนกำแพงทิศตะวันตกได้ถูกรื้อทำลาย โจรกรรม ลักลอบนำมาขายให้กับเหล่าเศรษฐีชาวต่างชาติที่ชอบสะสมของเก่าผ่านตลาดมืดในประเทศไทย แต่ยังดีที่ได้กลับคืนเพียง 2 ชิ้นเท่านั้นแต่อีกหลายชิ้นยังไม่ได้กลับคืนมาสู่ถิ่นเดิมส่วนที่ได้กลับคืนมา คงจะอยู่ภายในพิพิธภัณฑ์กรุงพนมเปญในวันนี้ หรือไม่แน่ก็อาจจะย้ายมาเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์ในเมืองเสียมเรียบแล้วก็เป็นได้.
จาก http://www.mediaofthailand.com/travellers/theiywprasathbanthaychmarmeuxngsilankhrhaengkamphucha
ตอบลบในวันนี้ความสงบสุขและสันติภาพได้หวลคืนสู่ประเทศกัมพูชา สถาปัตยกรรมโบราณอันล้ำค่า แห่งอารยธรรมขอมโบราณได้คืนกลับมาเป็นของขวัญอันล้ำค่าสู่ประชาชนชาวกัมพูชาสำหรับปราสาทบันทายฉมาร์ ก็เป็นหนึ่งในอารยธรรมขอมโบราณที่กำลังได้รับความนิยมของนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก นำรายได้เข้าสู่ประเทศกัมพูชาอย่างมหาศาล วันนี้ปราสาทบันทายฉมาร์กำลังเปิดประตู ให้ผู้คนได้กลับมาค้นหาความลับของเจ้าชายศรีนทรกุมารกับเรื่องราวมหาอานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าชัยวรมันที่7แห่งอาณาจักรขอมในยุคที่เคยเจริญรุ่งเรืองจนถึงขีดสุดแต่ทว่าในปัจจุบันได้หายสาบสูญไปเมื่อเกือบ 1,000 ปีที่ผ่านมา
การเดินทางสู่ปราสาทบันทายฉมาร์
- โดยรถยนต์จากด่านคลองลึกในอ.อรัญประเทศ จ.สระแก้วเดินทางข้ามไปยังด่านปอยเปตในประเทศกัมพูชาโดยใช้พลาสปอรต์สามารถอยู่ท่องเที่ยวในประเทศกัมพูชาได้15วัน จากนั้นใช้บริการรถยนต์รับจ้าง Toyota camary 4ที่นั่งติดแอร์เดินทางเช้าไปเย็นกลับราคาประมาณ100 USD รายละเอียดการเดินทาง
- จากด่านคลองลึกในอ.อรัญประเทศ – จังวัด บันเตียเมียน จีย์หรือ ศรีโสภณระยะทาง 48 กิโลเมตรจากนั้นเดินทางต่อไปยังปราสาทบันทายฉมาร์ตั้งอยู่ในอำเภอทะมอปวก ตำบล บันเตียฉมาร์ จังหวัด บันเตียเมียน จีย์หรือ ศรีโสภณระยะทาง 63 ก.ม รวมระยะทาง 111 ก.ม
จาก http://www.ryt9.com/s/tpd/2332078
ตอบลบเราเดินทางไปเยือนปราสาทบันทายฉมาร์หรือ "บันเตียฉมาร์" (Banteay Chhmar) ในดินแดนกัมพูชา ภาษาเขมรแปลว่า "ปราสาทน้อย" หรือ "ป้อมเล็ก" ตั้งอยู่ในอำเภอทมอพวก จ.บันเตียเมียน เจย นักท่องเที่ยวไทยที่ชื่นชอบชมโบราณสถาน สามารถเดินทางได้สองเส้นทาง เส้นทางแรก ด่านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ข้ามแดนเข้าด่านปอยเปต จากจุดนี้ไปอีก 48 กม. ถึงแยกศรีโสภณแล้วเลี้ยวซ้ายไปทาง จ.บันเตียเมียนเจย ประมาณ 63 กม. ถึงปราสาทบันทายฉมาร์
เส้นทางที่สอง ด่านจุดผ่อนปรนบ้านตาพระยา อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ข้ามแดนเข้าด่านบ้านบึงตากวน อ.ทมอพวก จ.บันเตียเมียนเจย ตรงจุดนี้ดูใกล้ปราสาทบันทายฉมาร์ ระยะราว 40 กม. รถแล่นไปบนถนนลูกรังฝุ่นคลุ้ง ตัดขึ้นถนนสายหลักลาดยางมะตอย สองข้างทางชมทิวทัศน์หมู่บ้าน ทุ่งนาข้าว ชั่วโมงกว่าก็ถึงที่หมายปราสาท
สำหรับด่านจุดผ่อนนี้ นอกเหนือไปจากที่ตั้งกองกำลังทหาร ศุลกากรตรวจและควบคุมดูแลการนำเข้า-ส่งออกสินค้าแล้ว ยังเป็นเส้นทางชาวเขมรท้องถิ่นเดินทางเข้ามารับจ้างขายแรงงานในฝั่งไทยไปเช้าเย็นกลับ ขณะเดียวกันทางการไทย-กัมพูชายังร่วมกันเปิดเป็นเส้นทางท่องเที่ยวแบบไปกลับหนึ่งวัน ใช้เพียงบอร์เดอร์พาสผ่านแดน โดยในมุมท่องเที่ยวแล้วถือว่าคล่องตัว
ปราสาทบันทายฉมาร์ถูกป่าปกคลุมกาลเวลามาเนิ่นนาน ในวันนี้อยู่ในช่วงบูรณะด้วยวิธีการแบบอนัสติโลซีสเช่นกัน รัฐบาลกัมพูชาคาดว่าจะใช้เวลาบูรณะไม่น้อยกว่า 50 ปี ชิ้นส่วนที่เหลืออยู่ร่วงหล่นตามทาง ซึ่งไม่ได้มีแค่ปราสาทหลังเดียว ในพื้นที่เป็น กลุ่มปราสาท การบูรณะปราสาทจึงเป็นเรื่องใหญ่
แม้จะอยู่ในช่วงบูรณะแต่ยังเต็มไปด้วยมนต์ขลัง
อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/tpd/2332078
จาก http://www.ryt9.com/s/tpd/2332078
ตอบลบกลุ่มปราสาทมีประมาณ 10 หลัง บันทายฉมาร์เป็นปราสาทหลัก แล้วยังมีปราสาทตาเปล่ง ปราสาทตาสก ปราสาทตาเปรียว ปราสาท "ป้อม" ประจำทิศ ปราสาทตาพรหม และปราสาทแม่บุญ กลางบารายตะวันออก
ปราสาทบันทายฉมาร์ เป็นปราสาทขนาดใหญ่ ใน "เมือง" มีแนวกำแพงโบราณล้อมรอบ มีคูน้ำล้อมรอบปราสาท ด้านหน้าทางเข้าประตูเมืองปราสาท มีสะพานชักนาคเกษียรสมุทรขนาดใหญ่ น่าเสียดายรูปสลักจำนวนมากถูกทำลายและโจรกรรมไป
เข้าประตูเมือง ชั้นนอกรายรอบด้วยระเบียงคด มีภาพสลักนูนต่ำ ถัดเข้ามาเป็นกำแพงมีภาพสลักสวยงาม ชั้นในเป็นระเบียงคด โคปุระ วิหาร ลานพิธีกรรม (โบสถ์) กุฏิ หอพระ ซุ้มปราสาทเมรุทิศ กำแพงของระเบียงมุขเชื่อมองค์ปราสาท มีแกะสลักรูปนางอัปสรา (Davatas) หมู่ปราสาททอดยาวจากตะวันออกไปตะวันตก ส่วนมณฑลกลางเป็นหมู่ปราสาทประธานพระอาทิพุทธะ และหมู่ปราสาทพระพุทธเจ้า ที่มียอดปราสาทแบบศิขระ เรือนลดหลั่นและปราสาทที่สลักเป็นรูปพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรสี่หน้า ลักษณะเดียวกับที่ปราสาทบายน
ปราสาทบันทายฉมาร์เปิดให้นักท่องเที่ยวเดินเข้าชมปราสาทไปในตัว ปัจจุบันมีผู้ไปเยือนไม่มากนัก และเป็นนักท่องเที่ยวชาวยุโรปและอเมริกา ไทย-กัมพูชามีการประชาสัมพันธ์เชิญชวนนักท่องเที่ยวไปเที่ยวชมปราสาทแห่งนี้.
บรรยายใต้ภาพ
ชมความยิ่งใหญ่ปราสาทบันทายฉมาร์
ปราสาทสด๊กก๊อกธม สถานที่ท่องเที่ยวศึกษาอารยธรรมขอมของสระแก้ว
ฟ้อนรำอัปสรา ถอดแบบท่ารำจากภาพสลักปราสาทขอมโบราณ
รูปสลักพระพักตร์พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรงดงาม สมบูรณ์ ไม่ควรพลาดชม
พระพักตร์พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรบนยอดปราสาทเขมร
รูปสลักบนแนวกำแพงบันทายฉมาร์ที่ได้รับการบูรณะแล้ว
ทางเดินทอดยาวสู่ตัวปราสาทบนแผ่นดินไทย
นักท่องเที่ยวถ่ายภาพประทับใจกับแหล่งโบราณคดีสด๊กก๊อกธม
เส้นทางเรียนรู้ประวัติศาสตร์รับประชาคมอาเซียน
มนต์เสน่ห์ของมหาปราสาทยักษ์ บันทายฉมาร์ จ.บันเตียเมียนเจย
ลัดเลาะพรมแดนไปยลปราสาทขอม
ADVERTISEMENT
อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/tpd/2332078